ศัลยกรรมริมฝีปาก

ริมฝีปาก เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างบุคลิกได้ไม่แพ้องค์ประกอบอื่นบนใบหน้า สำคัญที่สุดของการศัลยกรรมริมฝีปาก นอกเหนือจากความสวยงามแล้ว คือการคงสภาพหน้าที่ของขอบปากได้อย่างดี นั่นคือ ไม่ผิดรูป สามารถอ้าปากดูดน้ำ เคี้ยวอาหาร หรือพูดได้ตามปกติ  

การตกแต่งริมฝีปากให้สวยนั้น มีอยู่ด้วยกัน 2 อย่าง

 


 

1. การผ่าตัดลดขนาดริมฝีปาก เพื่อให้บางได้รูปสวย หรือเรียกว่า ปากรูปกระจับ ริมฝีปากด้านบนต้องบางกว่าด้านล่าง มีรูปร่างที่สวยได้รูป และพอเหมาะ หากรูปปากที่เท่ากันหมดก็อาจจะไม่ได้สัดส่วนที่สวยงามการผ่าตัดลดขนาดริมฝีปากต้องใช้ความประณีต และละเอียด ซึ่งหากพลาดไปอาจจะเกิดผลกระทบได้ เพราะปากมีเส้นประสาท และหลอดเลือดเป็นจำนวนมาก ดังนั้นผู้ที่ต้องการผ่าตัดควรหาข้อมูล การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด การเลือกรูปแบบ และแพทย์ที่ผ่าตัด เพราะหากผิดพลาดขึ้นมาอาจแก้ไขได้ยาก 

บุคคลที่แพทย์ไม่แนะนำให้ทำปากบาง 

1.คนที่มีปัญหาเรื่องฟันห่าง ฟันสบกันไม่สนิท
2.คนที่มีรูปปากคว่ำ ซึ่งทำแล้วอาจจะไม่เห็นที่ดี 
3.คนที่มีลักษณะยิ้มเห็นเหงือก

วิธีการผ่าตัด การผ่าตัดใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 30-45 นาที ส่วนใหญ่จะทำภายใต้การใช้ยาชาเฉพาะที่ อาจใช้ยานอนหลับแบบอ่อนๆ ร่วมด้วย เพื่อลดความเจ็บปวดและความกังวลใจของผู้ป่วย จากนั้นแพทย์ตัดเอาเนื้อริมฝีปากส่วนเกินออก ผ่านแผลซ่อนอยู่ด้านในของริมฝีปาก แล้วเย็บแผลแบบไหมละลาย ด้วยหลังทำ ไม่ต้องนอนพัก สามารถทำงานได้ปกติ  

การดูแลหลังผ่าตัด 

ในช่วง 2 วันแรกหลังผ่าตัดควรประคบด้วยความเย็นบริเวณริมฝีปาก อาการบวมเกิดขึ้นได้ โดยบวมมากที่สุดในวันที่ 2-3 หลังทำ และจะยุบลงเรื่อยๆ ใช้เวลา 7-14 วัน หลังจากนั้นรูปทรงของปากจะเริ่มเข้าที่ หลีกเลี่ยงการพูดในช่วง 1 สัปดาห์แรก ควรรับประทานอาหารอ่อนๆ รสไม่จัด งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานยาตามแพทย์สั่ง และมาพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลการรักษา 
 
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
1.ไม่สามารถปิดปากได้สนิท ริมฝีปากเผยอตลอดเวลา
2.เกิดรอยแผลเป็นพื้นผิวไม่เรียบภายในริมฝีปาก
3.ริมฝีปากฝั่งซ้าย - ขวา ไม่เท่ากัน 
4.อาการชา (มักเป็นอาการชั่วคราวที่หายไปเองได้) 
 

 
2. การตกแต่งริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม 
 
การตกแต่งริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม สามารถทำได้หลายวิธี เช่น
1) การใช้สารเติมเต็มฉีด
2) ไขมันตัวเอง หรือการปลูกถ่ายเนื้อเยื่อ (Dermal fat graft หรือ Fascia graft)
3)ใส่ซิลิโคน
ทั้งนี้ขึ้นกับการประเมินของแพทย์ และความต้องการของคุณร่วมกัน วิธีที่นิยมคือ การฉีดสารเติมเต็ม เนื่องจากเป็นวิธีการไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องฟักฟื้น หากฉีดไม่พอใจรูปทรงสามารถรอยาสลายได้ 
 
 วิธีการฉีด  การฉีดสารเติมเต็มบริเวณปากต้องฉีดยาชาก่อนทำ เพราะจะเป็นบริเวณที่เจ็บมาก ใช้เวลาประมาณ 15 -30 นาที ฉีดได้ทั้งริมฝีปากบน และล่าง เพื่อให้ริมฝีปากอวบอิ่มได้รูป หรือเพื่อลดรอยเหี่ยว และร่องที่ริมฝีปาก เนื่องจากเมื่อคนเราอายุมากขึ้น ริมฝีปากจะเริ่มบางมากขึ้นๆเรื่อยๆ ริ้วรอยก็มากขึ้นด้วย
 
การดูแลหลังฉีด
1.บริเวณปาก ตรงตำแหน่งที่ฉีด อาจบวมอยู่ 2-3 วัน ก่อนจะกลับเข้ารูปที่สวยงามได้ ซึ่งตรงนี้สำคัญ เพราะแพทย์ต้องกะให้พอดีว่า ฉีดเท่าไหร่จึงจะสวยพอดีเพราะตอนฉีดมันจะมีอาการบวมร่วมด้วยซึ่งทำให้กะยาก
2.มีรอยเข็มที่ฉีด เป็นจุดแดงๆ ซึ่งหายเองใน 2-3 วัน
3.ควรที่จะหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้แรงมากภายในอาทิตย์แรก เช่น การยกของหนัก
 
    • chanisa3-15.png
      กายวิภาคของใบหน้าโดยทั่วไปถ้าจะแบ่งอย่างคร่าวๆก็จะแบ่งเป็น 3 ส่วน คือส่วนบน ตั้งแต่ส่วนหน้าผากจนถึงค...
    • Picture134.png
      แผลเป็นเกิดจากกระบวนการรักษาแผลที่เกิดการฉีกขาดของเนื้อเยื่อ มีการสร้างเนื้อเยื่อซึ่งเป็นคอลลาเจน (c...
    • 19.jpg
      ลักษณะทั่วไปของลักยิ้มจะมีอยู่ 2 แบบ คือ 1) แบบจุด จะเป็นเพียงรอยบุ๋มลงไปเล็กๆ เท่านั้น 2) แบบขีด มั...
    • ตกแต่งแคมเล็ก (LABIA) แคมเล็กเป็นเนื้อเยื่อบริเวณปากช่องคลอด ซึ่งแต่ละคนมีขนาดแตกต่างกันไปในแต่ละคน ...
Visitors: 561,301