เสริมก้นแบบไหนไม่ทำร้ายตัวเอง

โดย...นพ.อนันต์ สุวรรณเทวะคุปต์ ศัลยกรรมตกแต่ง 
Profile
 
แพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ปี 2529
วุฒิบัตร ศัลยศาสตร์ตกแต่ง แพทยสภา ปี 2535
แพทย์ประจำบ้านศัลยกรรมตกแต่ง ศิริราช 
หัวหน้าหน่วยงานศัลยกรรมตกแต่ง งานศัลยกรรม รพ.ตำรวจและ Chanisa Cosmetic Clinic
 
เสริมก้นแบบไหนไม่ทำร้ายตัวเอง
 
ต้องบอกว่าเรื่องของการเสริมก้นหรือเสริมสะโพกนั้นในสมัยก่อนยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก แต่ต่อมาเมื่อเรามีวิวัฒนาการด้านความงามที่มากขึ้นการเสริมก้นหรือเสริมสะโพกจึงเป็นที่นิยมมากขึ้น ในปัจจุบันมีวิธีหลักๆ 2 วิธี คือ เสริมโดยวิธีการฉีดสารบางอย่างเพื่อเพิ่มปริมาตรก้น และการผ่าตัดเสริมถุงซิลิโคน
 
1. ฉีดซิลิโคนเหลว หรือออยล์ หรือเจล หรือน้ำมันพืช: นิยมทำในอดีต ฉีดเข้าไปในบริเวณก้นเพื่อให้ได้รูปร่างที่สวยงามขึ้น ซึ่งการฉีดสารจำพวกซิลิโคนเหลวเหล่านี้ช่วงหลังไม่เป็นที่นิยมและเป็นข้อห้ามทางการแพทย์ ไม่ว่าจะฉีดเสริมในตำแหน่งใดก็ตาม
 
ข้อดี คือ ราคาค่อนข้างถูก
 
ข้อเสีย คือ ได้รูปทรงก้นสวยอยู่แค่ในระยะหนึ่ง เมื่อนานขึ้นร่างกายของเราจะไม่ยอมรับสารเหล่านี้ และอาจเคลื่อนที่หรือไหลจากที่สูงไปที่ต่ำ ที่สำคัญสารเหล่านี้จะมีปฏิริยากับร่างกายของเราและทำให้เกิดพังผืด เกิดเป็นก้อนตะปุ่มตะป่ำ เนื้องอก หรือในบางรายที่แย่ที่สุดคือเกิดแผลเรื้อรังและแตกปะทุผิวหนังขึ้นมา ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยง
 
2. ฉีดโดยใช้เซลล์ไขมันในร่างกายตัวเอง: เป็นการดูดไขมันจากบริเวณหนึ่งมาเพื่อทำการปลูกถ่ายในบริเวณก้นของร่างกายคนไข้เอง
 
ข้อดี คือ ได้รูปร่างก้นที่สวยงาม สามารถเติมขนาดได้ตามต้องการเพราะใช้ไขมันของคนไข้ในการปลูกถ่ายเข้าไป ค่อนข้างปลอดภัยเพราะใช้เซลล์ของตัวเอง อีกทั้งได้ลดสัดส่วนในบริเวณที่เราดูดไขมันไปใช้ด้วย
 
ข้อเสีย คือ การย้ายเซลล์จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ปริมาณเซลล์ที่มีชีวิตคงเหลืออยู่อาจจะไม่ 100% ฉีดในครั้งแรกอาจจะเหลือประมาณ 60%-70% ส่วนที่เหลือจะตายไปเองและถูกร่างกายดูดซึมไปในที่สุด อาจจะต้องมีการเติมในภายหลัง ทั้งนี้แพทย์จะไม่สามารถฉีดให้มากเกินขนาดในครั้งเดียวได้ เพราะเมื่อเซลล์จำนวนมากอยู่ในพื้นที่จำกัดก็จะทำให้เซลล์อัดแน่นไปและตายได้ วิธีนี้ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
 
3. การฉีดโดยใช้สารเติมเต็ม หรือ FILLER หรือ HYALURONIC ACID: วิธีนี้ก็จะมีขนาดของโมเลกุลที่ไม่เท่ากัน โดยทั่วไปจะอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี ฉีดลงไปในบริเวณที่เราต้องการเสริมโดยแพทย์ที่ได้รับการฝึกฝนและอบรมทางด้านนี้มาเป็นอย่างดี
 
ข้อดี คือ คนไข้ไม่ต้องเจ็บตัว 2 ที่เหมือนกับการฉีดไขมัน
 
ข้อเสีย คือ ราคาค่อนข้างแพงมาก เพราะต้องใช้ฟิลเลอร์จำนวนมากเพื่อเสริมในบริเวณก้น ในช่วงแรกที่มีการฉีดอาจจะนั่งลงน้ำหนักไม่ได้เต็มที่นัก เพราะแรงดันหรือแรงกดอาจทำให้สารเคลื่อนที่ได้
 
4. การผ่าตัดเสริมโดยถุงซิลิโคน: ในสมัยก่อนการเสริมด้วยวิธีนี้ถุงซิลิโคนจะค่อนข้างแข็งและสัมผัสไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก แต่ในปัจจุบันถุงซิลิโคนมีคุณภาพดีกว่าเดิม มีทั้งรูปทรงกลม วงรี หรือหยดน้ำ ซึ่งวิธีการผ่าตัดนั้นจะผ่าบริเวณง่ามก้นทำให้ไม่เห็นรอยแผลเป็นชัด แพทย์จะใส่ถุงซิลิโคนไปในบริเวณกล้ามเนื้อก้นทั้งสองข้าง ส่วนจะเลือกขนาดหรือถุงรูปร่างแบบใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ป่วยว่าต้องการแบบใด เทคนิคการผ่าตัดจะคล้ายๆ กับการผ่าตัดเสริมเต้านมทั่วไป
 
ข้อดี คือ ได้ขนาดรูปร่างค่อนข้างชัดเจนตามที่คนไข้ต้องการ เพราะเป็นการเสริมด้วยวัสดุที่มีปริมาตรแน่นอนอยู่แล้ว ไม่เหมือนกับการฉีดที่อาจมีการไหลยากในการควบคุมเรื่องรูปทรงของก้น
 
ข้อเสีย คือ คนไข้อาจจะรู้สึกลำบากในช่วงแรกที่มีการเสริมก้น เพราะจะนั่งลงน้ำหนักไม่ได้ ต้องนอนอยู่ในท่าคว่ำ หรือตะแคงซ้าย-ขวา ห้ามนอนหงาย 3-5 วัน และ 7-10 วันก็จะกลับกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ
 
แพทย์แนะนำ
 
การเลือกว่าจะเสริมก้นหรือสะโพกด้วยวิธีทีใดนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการในเรื่องของขนาดของคนไข้เอง หากต้องการไม่ใหญ่มาก วิธีการฉีดไขมันหรือฟิลเลอร์ก็เป็นวิธีที่เหมาะ แต่หากต้องการให้ดูดเด่นชัดมากขึ้นวิธีการผ่าตัดก็เป็นวิธีที่ได้ผลดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้เป็นผู้ทำการเสริมให้จึงจะช่วยให้การเสริมความงามปลอดภัยยิ่งขึ้น 
Visitors: 561,336