ร้อยไหม
การร้อยไหม เป็นทางเลือกใหม่ทางการแพทย์โดยไม่ต้องทำการผ่าตัด สิ่งที่นอกเหนือจากการผ่าตัดดึงหน้าตามปกติแล้ว การแก้ไขปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย ปัจจุบันมีทางเลือกใหม่โดยไม่ต้องเจ็บตัว และไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น ซึ่งในปัจจุบันเป็นที่นิยมและทำกันมากขึ้น เนื่องจากใช้เวลาในการทำไม่นานและเห็นผลเร็ว
ประเภทของไหมที่ใช้ในการรักษา
1)ไหมละลาย PDO (Polydioxanone) ไหมละลาย PDO จัดว่าเป็นไหมชนิดเดียวที่มีความปลอดภัยสูง และมีประสิทธิภาพสูงกว่าไหมละลายชนิดอื่น ๆ แต่ไหมละลาย Catgut ซึ่งมักพบรอยช้ำแดงได้นานกว่าถึง 20 วัน หรือไหมละลาย PGA (Polyglycolic Acid) หรือไหม Polyglactic ซึ่งมีโอกาสติดเชื้อได้ในช่วง 60 - 90 วันหลังร้อยไหม เนื่องจากไหมชนิดนี้จะมีรูพรุนอยู่มาก ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายกว่า และละลายหายไปเร็วภายใน 3 เดือน ทำให้ประสิทธิภาพในการกระตุ้นให้เกิดพังผืด หรือเส้นใยที่ดึงรั้งผิวเกิดเพียงช่วงสั้น ๆ เท่านั้น ขณะที่ ไหม PDO เมื่อร้อยเข้าไปกระตุ้นการสร้างเส้นเลือด นำไปสู่กระบวนการสร้างผิวและคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นกระชับตึงขึ้นในทันที ผิวพรรณจะกระจ่างใสภายใน 2 สัปดาห์ และร่างกายสามารถกำจัดไหมได้หมดภายใน 6 เดือน ขณะที่ผลของการร้อยไหมจะคงสภาพได้นาน 2-3 ปี
2)ไหมแอปทอส (Aptos) ซึ่งมีลักษณะเป็นฟันปลา และเป็นไหมชนิดที่ไม่ละลาย หลังจากทำมักพบรอยช้ำนาน และต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง ซึ่งหากทำผิดวิธีอาจทำให้ใบหน้าไม่สมดุล และต้องมาผ่าตัดเพื่อเอาไหมออกด้วย ในปัจจุบันไหมชนิดนี้ไม่ได้รับความนิยมแล้ว
3)ไหมทอง (Gold Thread) เป็นการศัลยกรรมคืนความอ่อนเยาว์ ลดอายุให้ผิว ฟื้นฟูสภาพผิวที่หย่อนคล้อยให้ดูเต่งตึงขึ้น การร้อยไหมทองนี้อยู่ได้นานถึง 8-15 ปี วิธีการร้อยไหมทองแพทย์จะใช้เส้นไหมทองบริสุทธิ์ ซึ่งจะประกอบไปด้วยทองคำบริสุทธิ์ 99.99% ขนาดเล็ก และมีโลหะเป็นองค์ประกอบด้วย ปริมาณและขนาดที่ใช้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของคนไข้ในแต่ละคน ไหมทองเป็นไหมชนิดที่ไม่ละลาย เมื่อร้อยเข้าไปใต้ผิวเพื่อให้ร่างกายสร้างเส้นเลือดใหม่เป็นกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดจากนั้นร่างกายจะสร้างคอลลาเจนใต้ผิว มาเกาะหุ้มเส้นไหม ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นกระชับและเต่งตึงขึ้น ริ้วรอยตื้น จะทำให้ผิวหน้าดูสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน จะเห็นผลชัดในช่วง 2-3 ปีแรก จากนั้นประสิทธิภาพเส้นไหมทองจะค่อย ๆ กระจายตัวและละลายหายไป ผิวก็จะเริ่มคืนสภาพตามกาลเวลา ไปเรื่อยๆ จนกลับเข้าสู่สภาพปกติ แต่ข้อเสียคือ มีค่าใช้จ่ายสูงมาก หลังจากทำจะไม่สามารถทำเลเซอร์หรือนวดหน้าด้วยคลื่นวิทยุได้ เพราะไหมทองดูดซับความร้อน อาจจะทำให้ขาดในผิวหนังได้ และนอกจากนี้ คนไข้บางรายอาจเกิด อาการแพ้ทองคำบริสุทธิ์ ที่เป็นองค์ประกอบของไหมได้ หากเกิดปัญหา ก็จะต้องมาทำการผ่าตัดเพื่อเอาไหมออกไปด้วยเช่นกัน
4)ไหมชนิดพิเศษสำหรับดึงหน้าโดยเฉพาะ ไม่ต้องศัลยกรรม (Special thread face lifting) เป็นไหมรูปกระสวยเหมาะสำหรับผู้ที่อยากดึงหน้าแต่กลัวการผ่าตัด กลัวการพักฟื้นนาน เหมาะสำหรับการดึงส่วนแก้ม แก้มหย่อนคล้อย ดึงคิ้ว หางตาตกมีทั้งแบบละลายทั้งหมดหรือละลายบางส่วน ผลการรักษาอาจอยู่ได้นาน 2-5 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหน้าและการดูแลของผู้ใช้บริการเอง
ผลลัทธ์จากการร้อยไหม
หลังทำจะสังเกตุเห็นว่าผิวจะเริ่มตึงกระชับขึ้น และจะดีขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากร่างกายจะมีการกระตุ้นเซลล์ที่ สร้างเส้นใยคอลลาเจน โดยจะสร้างคอลลาเจนมา พันรอบแนวเส้นไหม ที่ร้อยไว้ ทำให้ผิวมีการดึงรั้งมากขึ้น รวมทั้งตึงกระชับมากขึ้น ซึ่งจะเห็นผลได้ ชัดเจนในช่วง 1 - 2 เดือน หลังจากทำ
บริเวณที่สามารถทำการร้อยไหม
ข้อดี